วิธีการใช้งานรถยกและการตรวจเช็คความพร้อมใช้งานเบื้องต้น
พนักงานขับรถยกและผู้ที่เกี่ยวข้องควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์ และสัญลักษ์ต่างๆที่อยู่ในรถ วิธีการตรวจเช็คสภาพที่พร้อมใช้งาน รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น และการดูแลรักษาเครื่องยนต์เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ดังนี้
การต่อแบตเตอรี่
ดึงหัวปลั๊กแบตเตอรี่ออกจากเครื่องชาร์ทไฟ แล้วนำไปเสียบกับตัวเสียบที่ตัวรถ
ตรวจสอบการชาร์ทแบตเตอรี่
มาตรวัดระดับแบตเตอรี่จะบอกสภาพของแบตเตอรี่ในขณะนั้น เราจะสามารถอ่านค่าไฟแบตเตอรี่ที่ถูกต้องได้หลังจากที่ได้ต่อแบตเตอรี่แล้วประมาณ 1 นาที
ความหมายเมื่อเข็มชี้ไปยังตำแหน่งต่างๆ
- ช่องระดับแรกนับจากซ้ายมือแสดงว่าเหลือระดับไฟ 20 เปอร์เซน
-สัญญาณไฟกระพริบเมื่อเหลือระดับไฟ 20 เปอร์เซน เพื่อเตือนให้ชาร์ทไฟ ระบบไฮดรอลิกในการยกจะถูกตัดโดยอัตโนมัติหากปิดสวิตช์มาตรวัด
-เมื่อเข็มชี้ไปที่ฝั่งขวามือแสดงว่าระดับไฟปกติคือ 80 เปอร์เซนต์ เมื่อระดับไฟแบตเตอรี่ลดเหลือ 20 เปอร์เซนต์ ควรหยุดปฏิบัติงานและทำการชาร์ทไฟใหม่ทันที
การสตาร์ทเครื่อง
เสียบกุญแจลงในล็อค แล้วหมุนไปทางขวาตามเข็มนาฬิกา
มาตรวัดชั่งโมงการทำงาน
มาตรวัดจะทำการบอกชั่วโมงการทำงานที่ผ่านมาของรถและจะทำงานเมื่อไขกุญแจเริ่มการใช้งานเท่านั้น
การปรับเบาะที่นั่ง
-เลื่อนเบาะไปข้างหน้า หรือข้างหลังโดยการผลักปุ่มด้านล่างทางซ้ายมือของเบาะที่นั่ง ไปทางซ้าย เลื่อนที่นั่งแล้วปล่อย
-ปรับพนักพิงหลังโดยดึงเหล็กที่อยู่ด้านล่างของเบาะด้านหน้าขึ้น
-ปรับความยืดหยุ่นของเบาะที่นั่งตามน้ำหนักของคนขับโดยหมุนปุ่มที่อยู่ด้านข้างทางซ้ายของเบาะหมุนไปทางซ้ายสำหรับน้ำหนักเบา และทางขวาสำหรับน้ำหนักมากและควรปรับเมื่อไม่มีคนอยู่บนเบาะ
การปรับระดับพวงมาลัย
-กดคันล๊อคแกนพวงมาลัยลงปรับระดับความต้องการแล้วปรับคันล๊อคพวงมาลัยเข้าที่เดิม
-ในกรณีที่คันล๊อคพวงมาลัยเกะกะเท้า หรืทำให้ไม่สะดวกในการทำงานให้ดันคันล๊อคออกจากแกนหมุนให้พ้นทางแล้วเสียบกลับตมาเดิม
-ตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าแกนพวงมาลัยได้ถูกล๊อคไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
การตรวจระดับน้ำมันเบรค
ตรวจระดับน้ำมันเบรคในถังเก็บให้มีปริมาตรอย่างน้อย 3 / 4 ของปริมาตรทั้งหมดหรือเติมน้ำมันเบรคตามคู่มือคำแนะนำ
การตรวจสอบระบบการเบรค
- รถต้องหยุดสนิทเมื่อเหยียบเบรค
- รถต้องจอดนิ่งเมื่อใส่เบรค
การตรวจสอบเบรคจอด
- ล้อหยุดนิ่งเมื่อใส่เบรคจอด
- เมื่อรถเบรคไฟเบรคสว่างขึ้น
- เบรคมือจัดเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมพิเศษ
การขับเคลื่อน
- ยกงาให้สูงจากพื้นเพียงพอแล้วดึงคันบังคับ
- ห้ามใช้งายกนำ้หนักในขั้นนี้
- เลือกทางเดินรถที่คนขับมีความชำนาญ และให้เมาะกับขนาดของรถ
การสตาร์ท
-ปลดเบรคจอดโดยเหยียบไปที่ส่วนล่างของคันเบรค แล้วปล่อยให้ถอนคืน สัญญาณเบรคจะหายไป
- เลือกทิศทางโดยใช้คันบังคับ
- เหยีียบคัยเร่ง
การถอยหลัง
- ปล่อยคันเร่งแล้วเหยียบเบรค
- ปรับคันเลือกทิศทาง แล้วเหยียบคันเร่ง สามารถปรับคันเลือกทิศทางได้ในขณะเหยียบคันเร่งโดยรถจะหยุด และรถออกตัวอีกครั้งในทิศทางตรงกันข้าม ( ถอยหลัง )
พวงมาลัย
ควบคุมการเลี้ยวของรถโดยหมุนพวงมาลัย วงเลี้ยวศึกษาจากข้อมูลทางเทคนิค
เมื่อเกิดจุดขัดข้อง
- สัญญาณเตือนจะสว่างขึ้นเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนคาร์บอนบรัช
- เปลี่ยนคาร์บอนบรัชตามคำแนะนำ ( อุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม )
การปฏิบัติงานเมื่อมีคันเหยียบ 2 อัน ในการขับขี่
- ยกงาขึ้นสูงจากพื้นจนได้ช่องว่างจากพื้นตามต้องการแล้วผลัก (คันบังคับการยกขึ้น - ลง ) ลง
- ห้ามใช้งายกของในช่วงนี้
- เลือกช่องทางเดินรถที่ชำนาญ
การเดินหน้า
- ปลดเบรคจอด
- เหยียบคันเร่งทางด้านขวา รถจะเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
- เพิ่มความเร็วโดยเหยียบคันเร่ง และลดความเร็วโดยผ่อนคันเร่ง
การกลับทิศทาง
- ถอนคันเร่ง
- เหยียบคันเร่งของทิศทางตรงกันข้าม รถจะหยุดและเคลื่อนตัวใหม่ในทิศทางตรงกันข้าม
การถอยหลัง
- เหยียบคันเร่งทางด้านขวา
- เพิ่มความเร็วโดยเหยียบคันเร่ง และลดความเร็วโดยการผ่อนคันเร่ง
- ไฟหลังจะสว่างขึ้น
ก่ารเบรค การควบคุมการยกเบรค
- เหยียบเบรคที่เท้า เพื่อหยุดรถในขณะที่ขับเคลื่อน
- ในการเหยียบเบรค เบรคจะทำงานด้วยไฟฟ้าในระดับแรก เมื่อเหยียบเบรคลึกลงไป จะเป็นการเบรคโดยใช้ระบบไฮดรอลิก
- เบรคไฟฟ้าจะช่วยยึดชั่วโมงการทำงานของแบตเตอรี่และยังช่วยยืดอายุผ้าเบรค เพราะพลังไฟจะกลับสู่แบตเตอรี่เมื่อเบรค
เบรคจอด
เมื่อต้องการจอด เหยียบคันเบรคให้จมหากใช้เบรคมือด้วยให้ดูหน้า
ข้อควรระวัง
- เบรคในระบบไฟฟ้าจะไม่ทำงานในการเบรคจอด เมื่อเบรคจอดกระแสไฟในมอเตอร์จะลดลงเหลือ 40 เปอร์เซนต์ ของค่าไฟสูงสุด
- การสตาร์ทรถโดยยังไม่ปลดเบรคจอด จะไม่ทำให้ใช้ไฟเกินกำลัง
- ในการปลดเบรคจอด เหยียบไปที่ส่วนล่างของคันเบรคแล้วปล่อยให้คืนตัว
การยกและการเอียง
การโยกเสาไปข้างหน้า ผลักคันบังคับอันที่ 2 ไปข้างหน้า
ก่ารโยกเสาไปข้างหลัง ผลักคันบังคับลง
การยกงาขึ้น ผลักคันบังคับอันที่ 1 ไปข้างหลัง
การลดงาลง ผลักคันบังคับไปข้างหน้า
คันบังคับอันที่ 3 ใช้สำหรับตัวคีบ หรืองาด้านข้าง
คันบังคับอันที่ 4 ใช้สำหรับงาเสริมแบบหมุนได้
( สามารถศึกษาวิธีการควบคุมได้จากแผ่นคำแนะนำที่มากับอุปกรณ์เสริมพิเศษ )
ข้อปฏิบัติในกรณีที่มีคันบังคับอันเดียว
การโยกงาไปข้างหน้า ผลักคันบังคับไปข้างหน้า
การโยกงาไปข้างหลัง ผลักคันบังคับไปข้างหลัง
การยกงา ผลักคันบังคับไปทางขวา
การลดงา ผลักคันบังคับไปทางซ้าย
ระบบไฮดรอลิกเพิ่มเติม
ระบบเสาและงา การปรับระบบไฮดรอลิก
แรงดันในระบบไฮดรอลิกนี้มีหลายขนาด สามารถอ่านค่าความดันได้จากมาตรวัดความดัน
- ผ่อนแผ่นเกลียวออก
- ปรับระดับสำหรับตัวหนีบ (ปิดตัวหนีบ )
- หมุนลูกบิดตามค่าความดันที่ต้องการโดยความดันจะเพิ่มขึ้นเมื่อหมุนตามเข็มนาฬิกา (ห้ามถอดจีมออกเด็ดขาด )
เสาและงา
เสาแบบเทเล เมื่อผลักคันบังคับมาข้างหลังเสาจะยกงาขึ้นโดยใช้กระบอกสูบ 2 อันด้านนอก และโซ่ (งาจะถูกยกขึ้นด้วยความเร็วเป็น 2 เท่าของเสา ) ควรตรวจสอบความสูงหากเป็นบริเวณที่มีเพดานต่ำ
เสาแบบนิโฮ เมื่อผลักคันบังคับมาข้างหลังกระบอกสูบด้านในจะยกงาสูงขึ้นถึงความสูงระดับ 1 จากนั้นกระบอกสูบด้านนอกจะยกงาต่อจนถึงความสูงสุด
เสา 3 ตอน
การทำงานเหมือนเสาแบบนิโฮ แต่สามารถยกได้สูงกว่าหากยกของขึ้นสูงถึงระดับ 1 ไม่จำเป็นต้องระวังความสูงของกระบอกสูบด้านใน
สัญญาณไฟ และที่ปัดน้ำฝน
สัญญาณไฟ - ดึงสวิตช์ไฟเบรคออกมา ไฟเบรคจอดจะสว่างขึ้น
- ดึงสวิตช์ไฟหน้า ไฟหน้าจะสว่างขึ้น
- เปิดไฟฉุกเฉินโดยกดสวิตช์ สัญญาณไฟที่สวิตช์จะกระพริบ
ไฟสูง - เปิดสวิตช์ปรับคันควบคุมทิศทาง ไปทางซ้ายหรือทางขวา ตามต้องการ
การเปิดสวิตช์ที่ปัดน้ำฝน ให้ดึงสวตช์ที่ปัดน้ำฝน
แตรรถและฟิวส์
แตรรถ เหยียบสวิตชืแตรที่เท้า
ฟิวส์ ฟิวส์หลักอยู่ที่หนวยควบคุมไฟฟ้าด้านหลังของตัวรถ
ฟิวส์สำหรับสัญญาณไฟ กล่องฟิวส์ทางด้านซ้ายบรรจุฟิวส์สำหรับ
- ไฟหน้าด้านขวา
- ไฟหน้าด้านซ้าย
- สัญญาณไฟ
- ไฟเบรค
การต่อเชื่อมรถพ่วง
การพ่วงรถ - เสียบหมุดลงไปที่รูแล้วหมุนทำมุม 90 องศา แล้วดึงออก
- สอดใส่สลักตัวพ่วงลงในรูที่เปิดให้พอดี
- เสียบหมุดลงไปอีกครั้งให้ดันแรงสปริง แล้วหมุนไป 90 องศา ( หมุดจะถูกตรึงอยู่ในตำแหน่งนี้ )
น้ำหนักมากที่สุดที่พ่วงได้ น้ำหนักมากที่สุดที่ใช้ได้ในการพ่วงจะเท่ากับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของงาที่ระบุไว้บนแผ่นทางด้านขวาของที่นั่งคนขับ
ห้ามบรรทุกสิ่งของใดๆ บนงาในกรณีที่ใช้รถพ่วงกับน้ำหนักสูงสุด
อาจใช้งาบรรทุกสิ่งของบางส่วนได้โดยใช้รถพ่วงบรรทุกน้ำหนักที่เหลือ
ข้อควรระวัง จะใช้รถพ่วงกับน้ำหนักมากที่สุดได้เมื่ออยู่บนพื้นเรียบเท่านั้น และจะต้องลดน้ำหนักลงหากรถต้องวิ่งบนทางลาด
โปรดแจ้งสภาพของรถแก่ผู้ผลิต หรือตัวแทนจำหน่ายเพื่อรับข้อมูลที่จำเป็น
การใช้รถอื่นลากรถพ่วง ควรใช้ความเร็วเท่ากับความเร็วในการเดินลากรถพ่วงการควบคุมพวงมาลัยจะเป็นไปได้ยาก เซอร์โวสเดียริ่งจะไม่ทำงาน
การเคลื่อนย้ายรถยก
- สำหรับการเคลื่อนย้ายรถยกโดยใช้รถเครน ให้เกี่ยวขอให้ถูกตำแหน่งซึ่งระบุไว้ด้วยสัญลักษณ์ตะขอ ควรแทรกแผ่นไม้ไว้ด้วยเพื่อป้องกันความเสียหาย
- จะมีหูสำหรับเกี่ยวกับขอที่ตัวรถ
น้ำหนัก ให้ศึกษาคำแนะนำของผู้ผลิต
การขนย้ายรถ
1.ลิ่ม ป้องกันการเลื่อนไหลของล้อหน้า และล้อหลังโดยใช้ลิ่ม 2 อัน เสียบไว้ทั้ง 2 ด้านของล้อโดยใช้ก้อนอิฐประกบไว้ด้านข้าง
2.การผูกเชือก ใช้เชือกผูกโดยให้เชือกอยู่ที่เสาด้านหน้า และปมพ่วงด้านหลัง
ข้อปฏิบัติก่อนใช้งา บรรทุกของและการปรับงา
ก่อนใช้งาบรรทุกของ
-ศึกษาความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักจากแผ่นป้ายทางด้านขวาของที่นั่งคนขับ ห้ามใช้งาบรรทุกน้ำหนักเกินจากที่กำหนดไว้ เพราะจะเป็นการบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของรถ
* ระยะของจุดศูนย์กลางน้ำหนักจากฐานของงา (ม.ม.)
*ความสูงในการยก (ม.ม.)
*น้ำหนักบรรทุกสูงสุด (ก.ก.)
ตัวอย่าง
น้ำหนักของสิ่งของที่จะยก 1270 ก.ก.ระยะของจุดศูนย์กลางน้ำหนักจากฐานของงา 600 ม.ม. ความสูงในการยก 5030 ม.ม.
( ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างโปรดศึกษาจากแผ่นป้ายบนตัวรถของท่่านด้วย
การปรัระยะห่างของงา
ระยะระหว่างทั้ง 2 ควรกว้างพอควรเพื่อที่จะวางสิ่งของจะได้ไม่เลื่อนตกลงมาขณะทำการยก ปรับงาทั้ง 2 ข้างให้ได้ระยะห่างที่พอเหมาะแล้วทำการล็อคงาไว้ให้เรียบร้อย
- ยกสลักขึ้น แล้วเลื่อนงาตามระยะห่างที่เหมาะสมจากนั้นทำการเลื่อนสลักลงเพื่อทำการล็อค
- จุดศูนย์กลางของน้ำหนักควรอยู่กึ่งกลางงาทั้ง 2 ข้าง
- ห้ามปรับระยะห่างของงาในขณะที่ใช้งาบรรทุกสิ่งของ
การใช้งายกของ
-ขับรถเข้าหาแร็คด้วยความเร็วปานกลาง แล้วค่อยๆหยุดเมื่อถึงแร็ค
- ปรับคันบังคับเลือกทิศทางให้อยู่ในตำแหน่งกลาง
- ใส่เบรคจอด
- ปรับเสาให้ตั้งตรงโดยผลักคันบังคับไปด้านหน้ายกงาขึ้น แล้วปรับคันบังคับไปด้านหลังความเร็วเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นเพื่อให้ยกน้ำหนักได้เร็ว
-ผลักคันเลือกทิศทางไปข้างหน้า
-ปลดเบรคจอด
-เคลื่อนรถไปข้างหน้าช้าๆ แล้วสอดงาเข้าไปใต้สิ่งของให้ลึกที่สุด ระวังอย่าให้งากระแทกสิ่งของหรือแร็คหยุดรถเมื่อสิ่งของวางอยู่ชิดกับฐานงาเรียบร้อยแล้วจุดศูนย์กลางของน้ำหนักต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างงาทั้ง 2
-ใส่เบรคจอด
-ยกงาขึ้นจนสัมผัสกับสิ่งของที่จะบรรทุก
-ปรับคันบังคับเลือกทิศทางเป็นถอยหลัง
-ปลดเบรคจอด ตรวจดูว่าทางเดินรถด้านหลังไม่มีสิ่งกีดขวาง ถอยรถช้าๆจนสิ่งของพ้นจากตัวแร็คแล้วเบรค
- ใส่เบรคจอด
การเคลื่อนย้ายของ
-ปรับเสาให้หงายขึ้นไปทางด้านหลังจนสุด
-ลดความสูงของงาลงมาจนได้ระดับเหมาะสมแก่การเดินรถ เว้นระยะห่างจากพื้นให้พอเหมาะ
-ปลดเบรคจอด และเริ่มเคลื่อนรถได้ ขับรถอย่างระมัดระวังหากต้องเลี้ยวและหลีกเลี่ยงการเบรคอย่างกะทันหัน
-เวลาเดินรถควรให้สิ่งของอยู่ในระดับต่ำที่สุดที่จะเป็นไปได้ การบรรทุกสิ่งของที่อยู่ในระดับสูงเป็นการบั่นทอนประสิทธิภาพของรถ
-ควรปรับระดับงาให้อยู่ห่างจากพื้นพอประมาณ และควรเดินรถถอยหลังหากสิ่งของที่บรรทุกอยู่ทำให้ไม่สามารถมองเห้นเส้นทางเดินรถได้ชัดเจน
-เวลาเดินรถให้ปรับเสาหงายไปทางด้านหลังให้มากที่สุดเสมอ
-ควรเร่งหรือชลอความเร็วด้วยความนุ่มนวลและหลีกเลี่ยงการสตาร์ท หรือเบรคอย่างกะทันหัน
-ห้ามบรรทุกของในขณะที่งาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งกลาง
-ควรขึ้นทางชันโดยให้สิ่งของอยู่ทางด้านหน้ารถ และลงทางชันโดยให้สิ่งของอยู่ทางด้านหลังรถ
-ห้ามขับรถข้ามสิ่งกีดขวางที่ทำมุม 90 องศากับพื้น(ควรมีไม้วางพาดไว้) และห้ามเลี้ยวบนทางลาดชัน
-ห้ามไม่ให้มีผู้ใดเดินผ่าน หรือเดินใต้งาเด็ดขาด
การขนของเข้า
-ปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นทั้งหมดโดยเรียงย้อนจากหลังไปหน้า
-เดินรถเข้าหาแร็ค ยกสิ่งของให้สูงกว่าระดับชั้นที่จะวางเล็กน้อยเมื่อสิ่งของอยู่เหนือชั้นวางแล้ว ปรับเสาให้ตั้งตรง แล้ววางของลงบนชั้นจากนั้นเดินรถถอยหลังจนกว่าสิ่งของจะพ้นจากงา
-ลดงาลงมาจนถึงระดับที่จะเดินรถปรับเสาให้หงายไปข้างหลังแล้วเดินรถได้
การจอดรถเพื่อทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่
การจอดรถ
-ปรับคันเลือกทิศทางให้อยู่ในตำแหน่งกลาง
-ใส่เบรคจอด
-ปรับเสาให้อยู่ในแนวตั้ง
-ลดระดับงาลงจนถึงพื้น
-ปรับสวิตช์ไปทางซ้ายแล้วถอดออก
-ถอดปลั๊กแบตเตอรี่
( ห้ามทิ้งรถในขณะที่มีน้ำหนักบรรทุกอยู่ )
การเปลี่ยนแบตเตอรี่
-โยกพวงมาลัยไปข้างหน้าแล้วล็อคไว้
-ถอดสายแบตเตอรี่
-เลื่อนเบาะไปข้างหลังให้มากที่สุด
-เปิดล็อคฝาครอบแบตเตอรี่โดยเลื่อนตัวล็อคไปทางซ้าย
-ยกฝาครอบแบตเตอรี่ขึ้นโดยจับตรงหูที่จับ
-สำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ยกออกจากด้านบนให้ผูกรอกเข้ากับแบตเตอรี่โดยให้สายรอกผ่านช่องว่างระหว่างซี่เหล็กเหนือที่นั่งคนขับ
-ติดตั้งแบตเตอรี่ลูกใหม่ ( ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักเท่ากันเท่านั้นเพราะน้ำหนักของแบตเตอรี่มีผลต่อความสมดุลย์ของรถน้ำหนักของแบตเตอรี่จะระบุไว้ที่ตัวรถและตัวแบตเตอรี่ )
-ปิดฝาครอบแบตเตอรี่
-ต่อปลั๊กแบตเตอรี่
อุปกรณ์เพิ่มเติมพอเศษ
เบรคมือ จะทำงานควบคุมล้อหน้าโดยใช้สายเคเบิ้ล
แท่งวัดระดับน้ำมันไฮดรอลิค สามารถตรวจเช็คระดับน้ำมันไฮดรอลิคได้โดยใช้แท่งเหล็ก
การระบายอากาศสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อความร้อนขึ้นสูงถึง 80 องศา เครื่องระบายอากาศจะทำการระบายความร้อนของมอเตอร์ไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ
หูเกี่ยวรอก ในการใช้เครนยก ให้เกี่ยวตะขอเครนเข้ากับหูเกี่ยวของรถซึ่งจะมีเครื่องหมายตะขอแสดงไว้
งาเสริม ติดงาเสริมเข้ากับงาตัวเดิม
WWW.PCNFORKLIFT.COM
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น